ถามให้คิด.. สำหรับคนที่ทำประกันคุ้มครองสินเชื่อ(MRTA) กับธนาคารตอนกู้สินเชื่อ..

1. คุณเข้าใจว่าหากทำประกันตัวนี้แล้วหากเกิดอะไรกับคุณ บ้านหรือหลักประกันจะตกเป็นของ คนข้างหลังโดยที่ไม่ต้องมาผ่อนต่อจริงหรือ ?
2. สมมุติคุณทำประกันคุ้มครอง 20 ปี แสดงว่าภายใน 20 ปีนี้คุณไม่คิดจะย้ายแบ็ง (Refinance)
ไปธนาคารอื่น ประมาณว่าถึงดอกแบ็งนี้จะปาไปเท่าไหร่ คุณก็จะอยู่ต่อเพราะคุณ  มีประกันกับแบ็งนี้อยู่ ?
3. หลังสามปีถ้าคุณทนดอกเบี้ยแบ็งนี้ไม่ไหว และต้องการ refinance ไปที่อื่น คุณคิดว่าแบ็งจะให้คุณปิดยอดหนี้แล้ว refinance ไปที่อื่น โดยไม่ต้องเวณคืนประกันก็ได้ ?
4. ถ้าแบ็งบอกว่าหากปิดยอดหนี้ต้องเวณคืนประกันด้วย คุณคิดว่า  สมมุติคุณจ่ายเบี้ยประกัน 100 บาท  พอครบ 3 ปี คุณคิดว่าจะได้เบี้ยประกันคืนเท่าไหร่ ?

By: PheakEngi
Since: 15 ส.ค. 55 15:46:36

13 thoughts on “ถามให้คิด.. สำหรับคนที่ทำประกันคุ้มครองสินเชื่อ(MRTA) กับธนาคารตอนกู้สินเชื่อ..

  1. admin Post author

    ข้อดี ข้อเสียก็มีครับ ผมก็เคยเห็นนะครับ พอตายไป ก็ปล่อยให้แบ็งค์ยึด เสียดายเงินที่ผ่อนมาหลายปีแทน

    By: แอ๊บแบ๊ว
    Since: 15 ส.ค. 55 16:02:05

  2. admin Post author

    ของผมทำครับเพราะมีเงินน้อยเลยต้องประกันความเสียงแต่ถ้ามีเงินมากๆก็จะไม่ทำเพราะคิดว่ารับความเสียงได้ครับ

    By: sitteto
    Since: 15 ส.ค. 55 16:08:08

  3. admin Post author

    1. คุณเข้าใจว่าหากทำประกันตัวนี้แล้วหากเกิดอะไรกับคุณ บ้านหรือหลักประกันจะตกเป็นของ คนข้างหลังโดยที่ไม่ต้องมาผ่อนต่อจริงหรือ ?
    ** จริง โดย เกิดได้ 3 กรณีคือ
        1. เงินประกันไม่พอชำระหนี้คงค้าง ต้องบวกเพิ่ม แต่ไม่มาก
        2. เงินประกันคุ้มครองพอดี บ้านตกเป็นของคนข้างหลัง
        3. เงินประกันยังเหลืออีก เนื่องจากโปะไปเยอะ คนข้างหลังจะได้บ้าน และเงินส่วนต่างอีก

    2. สมมุติคุณทำประกันคุ้มครอง 20 ปี แสดงว่าภายใน 20 ปีนี้คุณไม่คิดจะย้ายแบ็ง (Refinance)
    ไปธนาคารอื่น ประมาณว่าถึงดอกแบ็งนี้จะปาไปเท่าไหร่ คุณก็จะอยู่ต่อเพราะคุณ  มีประกันกับแบ็งนี้อยู่ ?
     ** ไม่เกี่ยวกับการย้ายแบงค์ refinance ประกันก็ยังคงอยู่ เพียงแต่ว่า ภาระหนี้กับแบงค์เดิม จะเป็น 0 ดังนั้น ถ้าเกิดเป็นอะไรไป บรษัทประกัน ก็จะจ่ายเป็นเงิน ให้คนข้างหลัง แทน โดยที่คนข้างหลังจะเอาเงินนี้ไปปิดยอดบ้าน กับธนาคารใหม่หรือไม่ แล้วแต่เค้า

    3. หลังสามปีถ้าคุณทนดอกเบี้ยแบ็งนี้ไม่ไหว และต้องการ refinance ไปที่อื่น คุณคิดว่าแบ็งจะให้คุณปิดยอดหนี้แล้ว refinance ไปที่อื่น โดยไม่ต้องเวณคืนประกันก็ได้ ?
       ** ใช่ แบงค์ยอมให้ผิดยอดหนี้ แล้ว re-finance ไปที่อื่น โดยไม่ต้องเวนคืนกรมธรรมภ์ ได้อยู่แล้ว หรือจะเวนคืนก็ได้ แล้วแต่เรา แบงค์บังคับไม่ได้

    4. ถ้าแบ็งบอกว่าหากปิดยอดหนี้ต้องเวณคืนประกันด้วย คุณคิดว่า  สมมุติคุณจ่ายเบี้ยประกัน 100 บาท  พอครบ 3 ปี คุณคิดว่าจะได้เบี้ยประกันคืนเท่าไหร่ ?
      ** แบงค์จะไม่บอกอย่างนั้น หรือถ้าพูดอย่างนั้น มันก็ไม่เป็นความจริง แค่หลอกเฉยๆ ส่วนมูลค่าเวนคืน จะได้น้อยมาก ตามรายละเอียด มูลค่าเวนคืนในแต่ละปี ในกรมธรรมภ์ที่ได้รับ (สามารถกลับไปอ่านได้)

    By: NongSunny19
    Since: 15 ส.ค. 55 16:12:49

  4. admin Post author

    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ครับ  ถาม คห3 ครับถ้าผ่อนหมดก่อน 10ปีประกันจะคุ้มครองจนหมดอายุประกันหรือเปล่าครับ

    By: sitteto
    Since: 15 ส.ค. 55 16:28:11

  5. admin Post author

    ถ้าพูดในแง่กฏหมาย อาจถูกตามความเห็นที่ 3 แต่ในความเป็นจริงมีแบ็งไหนบ้างครับที่ให้ปิดยอดหนี้แต่ไม่ต้องปิดประกันได้
    โดยเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ จากแบ็งเดิม เป็นคนในครอบครับเราได้

    งั้นถามต่อว่าเราสามารถไปขอเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์จาก ธนาคาร เป็น คนในครอบตรัวเราได้เลยไหม  เพราะถ้าได้จะดีกว่าไหมที่คนข้างหลังงเราได้ถือเงินและตัดสินใจ
    เองว่าจะเอาเงินไปใช้ทำอะไร  

    http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2012/05/R12039782/R12039782.html

    By: PheakEngi
    Since: 15 ส.ค. 55 17:24:51

  6. admin Post author

    ถ้ามีเงินเก็บเยอะ ก็ไม่น่าทำค่ะ  ส่วนการ รีไฟแนนซ์ ยอดหนี้ กับ ประกัน ไม่เกี่ยวกันค่ะ ตามกฏหมายไม่สามารถบังคับเวนคืนได้  เราอ่านทุกบรรทัดก่อนเซ็น ทำประกันค่ะ เพราะโดนมาเยอะพวกประกันเนี่ย 555

    จริงๆทำประกันมันก็เปลืองเงิน แต่ถ้ามีคนข้างหลังที่ต้องเป็นห่วง ทำไว้ซักกึ่งนึงของยอดกู้ เผื่อไว้ก็ได้  บางสถานการณ์ มันก็เกินจะคาดคิด

    ผู้รับผลประโยชน์เค้ามีให้ระบุอยู่แล้วว่า ถ้าไม่ใช่ธนาคาร (กรณีจ่ายครบ ย้ายแบงค์ หรือ โปะไปเยอะ)
    ให้ใครรับเงินแทนค่ะ อ่านกรมธรรม์ดูได้

    By: itssmallworld (itssmallworld)
    Since: 15 ส.ค. 55 17:47:58

  7. admin Post author

    1. คุณเข้าใจว่าหากทำประกันตัวนี้แล้วหากเกิดอะไรกับคุณ บ้านหรือหลักประกันจะตกเป็นของ คนข้างหลังโดยที่ไม่ต้องมาผ่อนต่อจริงหรือ ?
    ^
    จริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เคลมประกันครับ

    เนื่องจากประกัน MRTA ที่แบงค์ขายให้ผู้กู้นั้น โขกเบี้ยแพงเกินไป และคุ้มครองระยะสั้นแค่ 10 ปี (ซื้อนานกว่านี้ได้แต่เบี้ยจะโหดขึ้นไปอีก)

    เมื่อคุ้มครองแค่ 10 ปี ในขณะที่ผ่อนชำระ 30 ปี ทำให้มีส่วนต่างระหว่างวงเงินคุ้มครองกะยอดหนี้คงเหลือที่ห่างขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาผ่อนชำระ

    ถ้าได้เคลมปีแรกๆ จะไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าเคลมปีหลังๆ เนี่ย จ่ายส่วนต่างอ๊วกครับ (ว่าแต่ใครอยากจะเคลมล่ะ ชีวิตคนไม่ใช่รถ จะได้ซ่อมหรือซื้อใหม่ได้)

    ดังนั้นไปหาทำกะบริษัทประกันข้างนอกที่จ่ายเบี้ยประกันถูกกว่าของแบงค์ดีกว่าครับ

    By: nat1234
    Since: 15 ส.ค. 55 18:13:36

  8. admin Post author

    ขอแชร์ จากประสบการณ์ จริง

    งั้นถามต่อว่าเราสามารถไปขอเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์จาก ธนาคาร เป็น คนในครอบครัวเราได้เลยไหม  เพราะถ้าได้จะดีกว่าไหมที่คนข้างหลังงเราได้ถือเงินและตัดสินใจ
    เองว่าจะเอาเงินไปใช้ทำอะไร  

    ผมเจอมาแล้ว เราสามารถระบุผู้ได้รับผลประโยชน์ได้ ในแบบประกันได้

    แต่ธนาคารจะหมกเม็ด ในสัญญาเงินกุ้ที่เราเซ็น ว่าให้เขาเป็นผุ้ได้รับประโยชน์คน ที่1

    ผมเคยแย้งแบบนี้ ขอเขาแก้เป็นชื่อ แฟน เจ้าหน้าธนาคารทำหน้า เสีย

    โทรหา ผุ้จัดการ คุยกันแปปหนึ่ง หันมายิ้มขำๆกับผม   แก้ได้เลยครับ

    ผมก็ว่ามันแปลกๆ ที่ไหนได้ กลับมาบ้านมาอ่านในสัญญาเงินกุ้ เขาระบุเรียบร้อย ไปแล้ว ว่า ให้ธนาคารเป็นผุ้ได้รับผลประโยชน์ที่ 1 โดยเขาเขียนเป็นภาษากฏหมายอะนะให้ยกเว้น คนที่เราระบุ และยกให้เขาเป็นผู้รับผลประโยชน์คนที่1แทน

    รับรองได้ว่า เขาดักเราไว้ทุกทาง

    By: ชื่ออะไรดี
    Since: 15 ส.ค. 55 18:43:18

  9. admin Post author

    1. คุณเข้าใจว่าหากทำประกันตัวนี้แล้วหากเกิดอะไรกับคุณ บ้านหรือหลักประกันจะตกเป็นของ คนข้างหลังโดยที่ไม่ต้องมาผ่อนต่อจริงหรือ ?
    ** จริง โดย เกิดได้ 3 กรณีคือ
       1. เงินประกันไม่พอชำระหนี้คงค้าง ต้องบวกเพิ่ม แต่ไม่มาก
       2. เงินประกันคุ้มครองพอดี บ้านตกเป็นของคนข้างหลัง
       3. เงินประกันยังเหลืออีก เนื่องจากโปะไปเยอะ คนข้างหลังจะได้บ้าน และเงินส่วนต่างอีก

    แย้ง ข้อ 1 นะครับ หากเป็น Case อย่าง คุณ  nat1234 ยกตัวอย่างมา หากเกิดเหตุการณ์ในปีที่ 9 หรือ 10
    ส่วนต่าง ระหว่างยอดหนี้กันทุนประกันห่างกันเกินครึ่งแน่นอนครับ กรณีที่ส่งขั้นต่ำตลอดนะครับ

    2. สมมุติคุณทำประกันคุ้มครอง 20 ปี แสดงว่าภายใน 20 ปีนี้คุณไม่คิดจะย้ายแบ็ง (Refinance)
    ไปธนาคารอื่น ประมาณว่าถึงดอกแบ็งนี้จะปาไปเท่าไหร่ คุณก็จะอยู่ต่อเพราะคุณ  มีประกันกับแบ็งนี้อยู่ ?
    ** ไม่เกี่ยวกับการย้ายแบงค์ refinance ประกันก็ยังคงอยู่ เพียงแต่ว่า ภาระหนี้กับแบงค์เดิม จะเป็น 0 ดังนั้น ถ้าเกิดเป็นอะไรไป บรษัทประกัน ก็จะจ่ายเป็นเงิน ให้คนข้างหลัง แทน โดยที่คนข้างหลังจะเอาเงินนี้ไปปิดยอดบ้าน กับธนาคารใหม่หรือไม่ แล้วแต่เค้า

    ถ้าอ่านจากตรงนี้แสดงว่า สัญญาเงินกู้ กับประกันเป็นคนละส่วนกัน แสดงว่าทุกคนสามารถไปบอกประกันให้เปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์จาก ชื่อธนาคาร เป็นคนในครอบครัวได้ โดยธนาคารไม่สามารถแย้งได้ เพราะเป็นคนละส่วนกันถูกไหมครับ ในเมื่อเป็นคนละส่วนกัน ทำไมเมื่อยอดหนี้เป็น 0 บริบัทประกันจึงจ่ายให้ทายาทผู้เอาประกัน แทนที่จะจ่ายให้ธนาคาร เหตุผลเพราะ ธนาคารเป็นผู้รับผลประโยชน์ จะมีหนี้หรือไม่ก็ต้องจ่ายให้ธนาคารใช่ไหมครับ ?

    ที่ตั้งกระทู้นี้เพราะไม่เห็นด้วยกับการยัดเยียดประกันประเภทนี้ และผู้รับผลประโยชน์ก็เป็นธนาคารอีก ทั้งๆที่มีหลักทรัพย์ค้ำอยู่แล้ว ครับ

    By: PheakEngi
    Since: 15 ส.ค. 55 20:30:48

  10. admin Post author

    ในรายละเอียด มีระบุไว้ว่า ธนาคาร จะได้รับผลประโยชน์ เฉพาะส่วนยอดเงินกู้ที่เหลือเท่านั้น (ใช้หนี้ที่เหลือ)

    ส่วนที่เกินจากยอดกู้คงเหลือ ให้ตกเป็นของรายชื่อที่เราระบุในกรมธรรม์ ตามลำดับ

    หรือถ้ายังขาด (ไม่พอใช้หนี้ที่เหลือ) ให้ตกเป็นภาระการตัดสินใจของผู้รับผลประโยชน์ว่าจะชำระส่วนที่เหลือ

    หรือให้ขายทรัพย์ (บ้านหลังที่ผ่อน) เพื่อธนาคารจะได้เก็บส่วนที่ขาด และแบ่งให้กลับผู้รับผลประโยชน์ในส่วนที่เกินจากยอดหนี้

    ของไทยประ_ เป็นแบบนี้ เลยทำครับ

    By: Girlyphobia
    Since: 15 ส.ค. 55 21:32:19

  11. admin Post author

    เพิ่มเติมให้อีกหน่อยละกันนะครับ

    1. คห.4 ถ้าผ่อนหมดก่อน 10ปีประกันจะคุ้มครองจนหมดอายุประกันหรือเปล่าครับ
    ** คุ้มครองตลอดอายุสัญญาครับ ไม่เกี่ยวกับว่าจะผ่อนหมด หรือเปล่า อันนั้นมันเป็นสัญญาเงินกู้ ส่วนอันนี้มันสัญญาประกันชีวิต

    2. คห.5 เราสามารถไปขอเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์จาก ธนาคาร เป็น คนในครอบตรัวเราได้เลยไหม
    ** กรณีที่จะเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ ในขณะที่หนี้ยังคงอยู่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าสัญญาเงินกู้เรา มีผูกพัน อยู่กับสัญญาประกันชีวิตหรือเปล่า เช่น ถ้าทำประกัน ดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง 50 สตางค์ ถ้าไม่มีผลเกี่ยวข้องกันเลย ก็สามารถเปลี่ยนได้ครับ แต่ถ้ามีผลก็เปลี่ยนไม่ได้ ยกเว้นแต่ refinance ไปธนาคารอื่นแล้ว ยอดหนี้กับธนาคารเดิมเป็น 0 ก็เปลี่ยนได้ครับ

    3. คห.9 3.1 แย้ง ข้อ 1 นะครับ หากเป็น Case อย่าง คุณ  nat1234 ยกตัวอย่างมา หากเกิดเหตุการณ์ในปีที่ 9 หรือ 10
    ส่วนต่าง ระหว่างยอดหนี้กันทุนประกันห่างกันเกินครึ่งแน่นอนครับ กรณีที่ส่งขั้นต่ำตลอดนะครับ
    ** ตามที่ คุณเขียน ถูกต้องเลยครับ คงเหลือเยอะแน่เลย

      3.2 ทำไมเมื่อยอดหนี้เป็น 0 บริบัทประกันจึงจ่ายให้ทายาทผู้เอาประกัน แทนที่จะจ่ายให้ธนาคาร เหตุผลเพราะ ธนาคารเป็นผู้รับผลประโยชน์ จะมีหนี้หรือไม่ก็ต้องจ่ายให้ธนาคารใช่ไหมครับ ?
    ** งง คำถามนิดหน่อยนะครับ เอาเป็นว่า ตามสัญญา ธนาคารเป็นผู้รับผลประโยชน์ที่ 1 แต่ไม่เกินวงเงินกู้คงเหลือ ดังนี้แล้ว หากวงเงินกู้คงเหลือเป็น 0 บริษัทประกันก็ต้องจ่ายให้ผู้รับผลประโยชน์คนที่ 2 และ 3 ต่อไป ครับ

     3.3 ที่ตั้งกระทู้นี้เพราะไม่เห็นด้วยกับการยัดเยียดประกันประเภทนี้ และผู้รับผลประโยชน์ก็เป็นธนาคารอีก ทั้งๆที่มีหลักทรัพย์ค้ำอยู่แล้ว ครับ
    ** โดยปกติ แล้ว พนักงานต่างหาก ที่เป็นคนบอกเราว่า ธนาคารบังคับ ซึ่งผมไม่ทราบว่าจริงๆ แล้ว ธนาคารบังคับจริงหรือเปล่า หรือ พนักงานแค่ใช้ขู่ เพื่อให้ลูกค้ากลัว และทำประกัน
    ส่วนเรื่อง มีทรัพย์ค้ำอยู่แล้วนั้น ผมเชื่อว่า ระหว่างลูกหนี้ (คนข้างหลัง) กับเจ้าหนี้(ธนาคาร) ลูกหนี้ย่อมอยากได้บ้านมากกว่าธนาคาร อยู่แล้วครับ ประกันตัวนี้ จึงมีขึ้น เพื่อให้บ้านเป็นของคนข้างหลัง ง่ายขึ้น แค่นั้นน่ะครับ

    ปล. ประกันชีวิต มันก็มีข้อดีของมันนะครับ เราไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แต่คนที่ชอบและเห็นข้อดีก็มีครับ เพียงแต่ว่า เราต้องเข้าใจมันจริงๆ และตัดสินใจว่าเราเหมาะจะทำมั้ย เท่านั้นครับ

    By: NongSunny19
    Since: 16 ส.ค. 55 13:12:37

  12. admin Post author

    ขอถามเพิ่มด้วยคะ ประกันตัวนี้สามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้ไหมคะ

    By: pipija (pipija)
    Since: 16 ส.ค. 55 18:13:26

  13. admin Post author

    ประกันชีวิต ที่มีอายุ(ความคุ้มครอง) ตั้งแต่ 10 ปีขึ้น ลดหย่อยภาษี ได้ครับ แต่ได้เฉพาะปีที่จ่ายเงินนะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ ประกันที่ทำพร้อมกับกู้บ้านนั้น จะจ่ายครั้งเดียว ดังนั้น ก็ลดหย่อนได้ปีเดียวครับ

    By: NongSunny19
    Since: 17 ส.ค. 55 10:21:33

Leave a Reply