บ้าน (มือสอง)…เพื่อลูกน้อย ซื้อ/ไม่ซื้อ

สวัสดีค่ะ ขอปรึกษาสมาชิกชานเรือนหน่อยค่ะ ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่า จะไปตั้งที่ห้องชายคาดีหรือไม่ แต่โดยมาแล้วเราเล่นที่ห้องชานเรือน รบกวนถามความเห็นหน่อยนะคะ

ตอนนี้เราท้องได้ 7 เดือนแล้วค่ะ พักอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ใกล้ที่ทำงานสามี (ที่ทำงานเก่าเราเอง) ที่ชลบุรีค่ะ ตัวเราทำงานที่ระยอง นั่งรถตู้ไปกลับทุกวัน เราเลิกงาน 18.00 นั่งรถมาถึงหอก็ 19.15 โดยประมาณค่ะ

ตอนนี้มีความคิดหลังคลอดลูกแล้วจะเลี้ยงลูกเอง ตอนแรกเรากับสามีก็คุยกันว่าเลี้ยงน้องที่ห้องก็ได้ พอเราต้องกลับไปทำงานก็ฝากเนอซค่ะ ยังไม่ต้องซื้อบ้าน เพราะค่าใช้จ่ายเรื่องลูกก็คงเยอะ ตอนนี้เรากับสามีมีภาระผ่อนรถเดือนละประมาณ 15,000 บาทค่ะ (ผ่อนโดยเงินเดือนสามี) รายได้รวมสองคนประมาณ 60,000 กว่าบาทต่อเดือน ตอนแรกเราอยากเก็บเงินกันไว้ก่อน อีกสามปีพอรถหมด เราก็ค่อยเริ่มซื้อบ้านค่ะ (เรากับสามีก็โตมาค่อนข้างลำบาก แม่เราก็เลี้ยงเราจากห้องเช่า สามีเราก็โตมากับห้องแถว แต่เราสองคนก็โตมาได้ ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องซื้อบ้านค่ะ)

อีกอย่างหมู่บ้านใหม่ๆ ที่ขึ้นมาแถบๆ นี้ก็ค่อนข้างห่างไกลชุมชน ไม่มีตลาด คือถ้าจะซื้อของกิน จะไปไหนมาไหน ต้องมีรถยนต์เท่านั้น ถ้าสามีมาทำงานก็ต้องเอารถยนต์มา ซึ่งก็จะต้องจ่ายค่าน้ำมันรถมากขึ้น (ทุกวันนี้สามีขี่แมงกะไซไปทำงานค่ะ) ตรงนี้เราก็เข้าใจค่ะ ถ้าไกลจากแหล่งชุมชนมากเราก็ไม่ค่อยอยากได้หมู่บ้านนั้นซักเท่าไหร่ (ถึงจะไฮโซและสวย)และรถตู้ที่บริษัทเราก็ไม่ค่อยผ่านด้วยค่ะ  

ทีนี้ มีหมู่บ้าน ใกล้ๆ อพาร์ทเมนท์ที่เราอยู่ พี่เค้าประกาศขายบ้านมือสอง 45 ตารางวาชั้นเดียว 1.5 ล้าน สามีเราชอบหมู่บ้านนี้ เราก็ชวนกันไปดู ไปคุยกับพี่ที่ขายบ้าน บ้านไม่มีรอยแตกร้าวอะไร สภาพหมู่บ้านน่าอยู่ ถ้าจะปล่อยขาย คิดว่าขายได้ไม่ยาก เนื่องจากเป็นละแวกชุมชนด้วย ใกล้นิคมอุตสาหกรรม ถ้าไม่อยู่แล้วก็สามารถปล่อยเช่าได้ แต่เนื่องจากเป็นบ้านมือสอง ตัวบ้านถ้าได้มาแล้วก็คงต้องทาสีใหม่ เปลี่ยนประตู หน้าต่าง ทำพื้น ประมาณนี้ค่ะ (มันก็ดูเก่านิดนึงนะ) เราก็คุยกันว่าจะลองยื่นธนาคารดู เราปรึกษาแม่เรา แม่เราเค้าก็เห็นดีด้วย แม่บอกว่า การซื้อบ้านเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งและเหมือนบังคับเก็บเงินไปในตัว เราไม่อยู่ก็ยังขายได้ ปล่อยเช่าได้ และราคาสูงขึ้น แต่สามีคุยกับที่บ้าน ที่บ้านสามีไม่เห็นด้วยที่จะให้ซื้อบ้านมือสองค่ะ เค้าอยากให้ซื้อบ้านมือหนึ่ง และรอไปก่อนซักพัก กลัวว่าเงินจะไม่พอใช้กัน และตอนนี้สามีก็เครียดมาก เรื่องที่บ้านไม่เห็นด้วย

เราวางเงินมัดจำไปแล้ว 5,000 บาท จ่ายค่าประเมินราคาบ้านไปแล้ว ประมาณ 3,000 บาท ตอนนี้รอธนาคารส่งเรื่องมาว่าอนุมัติผ่านไหม เรายื่นกู้ชื่อเราคนเดียว เรื่องฐานเงินเดือนคิดว่าไม่ใช่ปัญหา เรายื่นประเมินบ้านไป 1.75 ล้านค่ะ ถ้ากู้ได้เกิน 1.5 ล้าน (ยื่น UOB ค่ะ อาจจะได้ประมาณ 90-95%) และได้ค่าตกแต่งบ้านนิดหน่อย เราก็คงจะเอา แต่ถ้าไม่ได้เราก็คงไม่เอา สิ่งที่เรากลัวตอนแรกคือ ประเมินราคาบ้านไม่ถึงเท่าที่เรายื่น

เราคิดว่าถ้าอยู่บ้านก็ดี มีพื้นที่ ไม่อึดอัด พ่อแม่มาหาก็ไม่ลำบาก ทำครัว ทำอาหารให้ลูกก็ได้สบายๆ ถ้าอยู่อพาร์ทเมนท์เรื่องทำอาหารก็จะค่อนข้างจำกัด (มาก)แล้วก็อยากเลี้ยงลูกที่บ้านมากกว่าถ้าจะเปรียบเทียบกัน เราก็เลยคิดว่าถ้าผ่านเราก็คงเอาบ้านหลังนี้ค่ะ

ปัญหาคือ สามีค่ะ ที่บ้านเค้าไม่เห็นด้วย และคงอยากให้กลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้านต่างจังหวัดมากกว่า อยากให้ซื้อบ้านมือหนึ่งมากกว่า และก็กลัวเราสองคนผ่อนไม่ไหวค่ะ เฮ้ออออ เราควรทำไงดีคะ ยกเลิกไปเลย ทางแม่เราก็ไม่เห็นด้วย ท่านก็อยากให้เราซื้อบ้านไว้ หรือซื้อบ้านดี เราก็ไม่อยากให้แฟนเรามีปัญหากับทางบ้านค่ะ ไม่สบายใจเลย

สามีเราก็เรื่องเยอะ หมุ่บ้านนั้นไกล หมู่บ้านนี้ไม่ชอบ ฯลฯ วันนี้เราปรี๊ดแตกไปแล้วค่ะ บอกว่าไม่ซื้อตอนนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้ซื้อ อันนั้นก็ไม่ชอบ อันนี้ก็ไกล อันไหนก็ไม่ถูกใจ อีกอย่าง เงินเราผ่อน ทางสามีจะมาเดือดร้อนอะไร เมื่อก่อนเงินเดือนเราน้อยกว่านี้ยังอยู่ได้เลย อันนี้ถ้าที่บ้านไม่เอาก็คิดซะว่าเราซื้อไว้ให้ที่บ้านเราแล้วกัน TT___TT ปรี๊ดแตกไปแล้วง่า

ตอนนี้เงินเก็บพอดีระดับหนึ่งค่ะ แต่เก็บไว้ใช้คลอดน้อง ก็เลยยื่นกู้บ้าน 100% ค่ะ

เราควรเอาบ้านหลังนี้ไม๊คะ หรืออยู่หอต่อไปดี ปวดหัวมากเลยค่ะ แล้วถ้าซื้อควรจะบอกที่บ้านสามีว่าไงดีคะ ตอนนี้สามีบอกว่าไม่อยากได้บ้านหลังนี้แล้วค่ะ TT___TT แต่เอกสารยื่นไปหมดแล้ว วางเงินประกันไปแล้ว เราก็เสียดายนะ กู้ไม่ผ่านยังจะดีกว่า…

By: riliza
Since: 5 ส.ค. 55 18:59:37

13 thoughts on “บ้าน (มือสอง)…เพื่อลูกน้อย ซื้อ/ไม่ซื้อ

  1. admin Post author

    ความเห็นส่วนตัวนะครับ

    ยังไม่ทันได้ซื้อ สามี ภรรยา ก็ทะเลาะกันแล้ว ถ้าซื้อไปแล้วไม่ยิ่งทะเลาะกันหนักหรือครับ
    แต่ถ้าไม่เดือนร้อนมาก ก็ซื้อไว้แล้วปล่อยเช่าไปพลาง ๆ ซักพักทางบ้านสามีก็จะแนะนำให้ย้ายไปอยู่ในบ้านที่ซื้อเองแหละครับ ^^ ปู่ ย่า ทนเห็นหลานอยู่หอแคบ ๆ ไม่ได้หรอก

    By: มวลมารลำพอง
    Since: 5 ส.ค. 55 19:37:40

  2. admin Post author

    ถ้าเป็นผมก็คงจะไม่เอาแล้วล่ะครับ แค่เริ่มจองก็ทะเลาะกัน อย่างที่ คห.1 ว่า ผมว่าบ้านนี้ไม่เหมาะกับเราหรอกครับ ไม่ว่าบ้านใหม่หรือบ้านมือสองก็ต้องตกแต่งเพิ่มเหมือนกันหมดแหละครับ เพียงแต่จะทำเพิ่มแค่ไหน หรือค่อยๆอยู่ ค่อยๆทำก็จะดีครับ

    By: parishii
    Since: 5 ส.ค. 55 19:57:29

  3. admin Post author

    อยากให้พูดกันด้วยเหตุผลไม่ใช่ด้วยอารณ์

    พวกที่บอกว่าให้ซื้อบ้านใหม่นั้น เขาจะช่วยผ่อนด้วยหรือเปล่า ถ้าเขาช่วยผ่อนก็ต้องฟังความเห็นของเขาด้วย  

    ถ้าไปซื้อบ้านอยู่ ตจว แล้วไม่ได้ไปอยู่ซะทีก็เปล่าประโยชน์

    บ้านใหม่หรือบ้านมือสองอย่างอย่างไหนจะเหมาะสมกับคุณมากที่สุด

    ให้ลองประเมินดูข้อดีและข้อเสียของการซื้อบ้านใหม่และบ้านมือสองดู

    By: pumpkin&blackbeauty
    Since: 5 ส.ค. 55 20:21:05

  4. admin Post author

    ซื้อเพื่ออยู่อาศัยค่ะ

    ผ่อนคนเดียว กู้คนเดียวค่ะ

    แต่ทุกวันนี้เงินใช้กระเป๋ารวมนี่สิคะ

    เราแค่คิดว่า วันนึง ถ้าเค้าไม่อยู่กับเรา อย่างน้อย เราก็ยังมีบ้าน เอาไว้อยู่กับลูก ก็เลยอยากซื้อบ้านไว้ค่ะ T_T

    By: riliza
    Since: 5 ส.ค. 55 20:24:42

  5. admin Post author

    บ้านก็น่าสนใจครับ

    แต่ที่น่าห่วงใยกว่าคือ ความรู้สึกของคนในครอบครัว

    ลองคุยกับสามีดูอีกทีละกันครับ เอาแบบไม่ต้องปรี๊ดแตก

    ถ้าคุยแล้วหาจุดลงตัวไม่ได้จริงๆ

    ก็คงจะต้องคิดซะว่า บ้านหลังนี้ยังไม่ใช่ของคุณน่ะครับ

    เพราะขืนซื้อไป ก็ไม่มีความสุขกันซะเปล่าๆ

    อีกอย่าง คำที่บอกว่า เงินผ่อนก็เงินฉันน่ะ  อย่าใช้อีกเลยครับ

    ถ้าผมเป็นสามีคุณ ฟังแล้วอาจจะรู้สึกไม่ดี เหมือนประมาณคุณอยากจะซื้อให้ได้

    จนถึงต้องขนาดว่า ก็ฉันผ่อนของฉันเองได้ ฉันจะเอา  จะทำไม

    อะไรทำนองนั้น

    By: จระเข้เจ้าเล่ห์
    Since: 5 ส.ค. 55 20:30:37

  6. admin Post author

    จากประสบการณ์ตรงของผม
    หากคุณอยากซื้อบ้านแต่มีเรื่องกันก่อน
    ทะเลาะกันก่อนไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้าน
    หรือคนในครอบครัวเรา
    อย่าซื้อบ้านหลังนั้นครับ
    เพราะตอนจบจะจบไม่สวย
    และจะจบรวดเร็วมากภายในไม่เกิน 2 ปี
    ทุกอย่างจบแน่นอน

    By: fullyboy
    Since: 5 ส.ค. 55 21:01:03

  7. admin Post author

    ใจเย็นๆ ค่ะ  ปรี๊ดแล้วเดี๋ยวลูกเครียด

    พอนึกออก จขกท. อาจจะอยากเตรียมที่ทางไว้เผื่อคุณตาคุณยายมาเยี่ยม มาช่วย
    เลี้ยง  แต่ด้านนู้นเค้าก็มีเหตุผลอยู่

    จริงๆ เราว่าบ้านชั้นเดียวจะว่าไปพื้นที่ใช้สอยก็น้อยนิดนึงนะคะ

    เราว่าคุยกันด้วยเหตุผลดีกว่าค่ะ  คำตอบยังไงก็คงอย่างงั้น  
    ตอนที่บ้านเราจะซื้อก็งี้หล่ะค่ะ  กว่าจะลงตัว  ของชิ้นใหญ่ค่อยๆ ตัดสินใจค่ะ ^^

    By: nusarathi
    Since: 5 ส.ค. 55 21:43:27

  8. admin Post author

    ผมก็กำลังยิ่นกู้บ้านมือสองเหมือนกันครับ

    จะผ่านหรือเปล่าไม่รู้
    ผมก็คิดว่า ถ้าบ้านหลังนี้อยากเป็นของเราเดี๋ยวมันก็เป็นของเรา
    แต่ถ้าไม่ใช่ เดี๋ยวมันก็มีเรื่องมาทำให้ไม่ได้บ้านหลังนี้จนได้แหละน่า

    By: Bazophil
    Since: 5 ส.ค. 55 23:41:11

  9. admin Post author

    บ้านที่ดี ต้องอยู่แล้วมีความสุขทั้งใจ และกาย นะครับ

    ศึกนอกไม่เท่าไหร่ แต่ศึกภายในลำบากแน่

    By: birdblack
    Since: 6 ส.ค. 55 06:38:35

  10. admin Post author

    ซื้อบ้านเหมือนกันลงทุน ถูกค่ะ ลงทุนยาว ๆ เลย
    บางทีอยากเลิกลงทุนกลางคันก็เลิกไม่ได้ด้วย
    ดังนั้นจะซื้อบ้านต้องใจเย็น ๆ ตัดสินใจให้ดี

    อีกอย่างอยู่เป็นครอบครัว ต้องพึ่งพากันและกัน ฟังความเห็นของกันและกันด้วยค่ะ

    By: มนอุ๊งอิ๊ง
    Since: 6 ส.ค. 55 07:26:18

  11. admin Post author

    อ่่านมาแล้วปัญหาหลักคือบ้านมือหนึ่งหรือมือสองดี  ผมว่าหาช่างหรือคนรู้จักไปประเมินค่าซ่อมก่อน  แล้วเปรียบเทียบกับบ้านมือหนึ่งบริเวณข้างเคียงก็จะได้คำตอบ   ผมเองซื้อทาวเฮาส์มือสอง  ที่เลือกเพราะเห็นของเลย  ไม่เหมือนหมู่บ้านใหม่  เห็นแต่รูป  ต้องรอลุ้นของจริงอีกที  และก็ประมาณค่าซ่อมแล้วเห็นว่าคุ้ม  บ้านมือหนึ่งก็ไม่ใช่ไม่มีปัญหา  ลองอ่านกระทู้เก่า ๆ ในนี้ดูซิ  บ้านใหม่ ๆ มีปัญหาก็เยอะ

    By: marupong
    Since: 6 ส.ค. 55 08:14:14

  12. admin Post author

    เราคิดเหมือนคห.6 นะ

    เอาที่ซื้อแล้วสบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายดีกว่านะคะ

    เพราะมันเป็นภาระผูกพันระยะยาว

    ส่วนเรื่องมีลูกแล้วจะอยู่บ้านกันสองคนกะลูก

    คิดน่ะคิดได้ แต่ความจริงมันลำบากนะ ยังไงมีคนช่วยจะดีกว่า

    ยังพอมีคนเปลี่ยนมือให้เราไปธุระได้มั่ง

    By: iriguci
    Since: 6 ส.ค. 55 09:15:59

  13. admin Post author

    คิดเหมือน คคห.8 ค่ะ  บ้านถ้ามันจะเป็นของเรามันก็ต้องเป็นของเราอยู่เสมอ เรากับแฟนปรึกษากันซื้อบ้าน
    เพื่อนพาไปดูบ้านที่เขาบอกขาย ตัดสินใจกัน 2 คนว่าตกลงซื้อบ้านหลังนี้เพราะมันถูกใจทุกอย่าง ลูกก็ชอบ รุ่งขึ้นยื่นเรื่องกู้กับสหกรณ์
    ผ่านมาได้อาทิตย์กว่า ๆ เราไปปรึกษาญาติ ๆ ปรากกฏว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับเรา เงินก็ยื่นกู้ไปแล้ว สามีบอกว่าก็แล้วแต่คุณ
    เราตัดสินใจโทรไปยกเลิกกับเจ้าของบ้าน หลังจากนั้นเราก็มานั่งคิดอยู่่ตลอดเวลาว่า ทำไมเราต้องเชื่อฟังพวกนี้ด้วย
    ผ่อน เราก็ผ่อนของเรา พวกนี้เขาก็ไม่ได้มายุ่งกับเรา ต่างคนต่างอยู่ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เจอกันบ่อยๆ นอกจากโทรนัดกันหรือไม่ก็วันสำคัญ ๆ
    มาเจอกันที คิดได้แล้วเราก็มาคุยกับสามีว่าเอาไงจะเอาบ้านหลังนี้มั้ย ถ้าบ้านมันยังเป็นของเราอยู่มันก็จะเป็นของเรา
    จัดการโทรไปบอกเจ้าของบ้านอีกครั้งว่าครั้งนี้เอาแน่ ๆ  วางเงินมัดจำ และรีบโอนภายในสิ้นเดือนนั้นทันที
    ทุกวันนี้เราคิดว่าเราตัดสินใจไม่ผิดที่ซื้อบ้านหลังนี้ไว้  จขกท.คิดดี ๆ คิดให้หลายตลบ ปรึกษากับสามีให้ดี โอกาสมันไม่เป็นของเราเสมอไปน่ะ

    By: น้องกล้า
    Since: 8 ส.ค. 55 12:53:02

Leave a Reply