คือก็ไม่ได้อยากจะระแวงหรือคิดมาก แต่ลองเอาที่อยู่ในนามบัตรมา google ดูทำไมเป็นบ.ขายน้ำไม่รู้

เอาไงดีหว่าหนักใจจัง ถ้าเราถามเขาตรงๆจะน่าเกลียดมั้ยคับ
เด๋วจะหาวางไม่วางใจกัน

ทั้งนี้ก่อนจะเริ่มจ่ายเงินแก่ทางผู้รับจ้าง คงต้องมีการคุยรายละเอียด
และทางนักออกแบบต้องมีการแชร์ไอเดียการออกแบบตกแต่ง
ให้กับผู้ว่าจ้างก่อนบ้างครับ จากนั้นเซ็นต์สัญญาและทำภาพ 3D มาให้พิจารณา รวมถึงลงสเปควัสดุต่างๆ ครับผม

ชี้แจงนิดนึงนะครับ งานตกแต่งภายใน อาจจะแยกได้เป็น
– งานก่อสร้าง
– เฟอร์นิเจอร์บิลด์อิน

ตัวเลขชุดนี้ ไม่ใช้กันในวงการก่อสร้าง แต่อาจจะใช้ในเรื่องบิลด์อินหรือเปล่า ถึงใช้ก็ต้องเป็นบริษัทที่เชื่อถือได้ ทั้งตัวบุคคล ผลงาน และสถานที่

และมีข้อสังเกตุอีกนิด ตามตัวเลขชุดนี้ ถ้ามีปัญหากัน ผู้ว่าจ้างไม่มีสิทธิต่อรองอะไรเลย ไพ่อยู่ในมือ ผรม. เต็มๆ

สำหรับการดีลงานกับช่างบิลด์อินกะโปโล มีรถกระบะคันเดียว จะปล่อยเงินออกไปแบบนี้ไม่ได้ครับ

หรือบางครั้ง งานพ่วงกันทั้งก่อสร้างและบิลด์อิน ผรม.บิลด์อินถือโอกาสมั่วนิ่ม ใช้ความเคยชินของงานบิลด์อิน คลุมทั้งส่วนก่อสร้างไปเลย ผมแนะนำให้แยกงานก่อสร้างกับบิลด์อินออก ในส่วนงานก่อสร้างจะได้ไม่ต้องจ่ายล่วงหน้าเยอะ (สาเหตุที่ต้องจ่ายล่วงหน้าสำหรับงานบิลด์อินเพราะทำโครงสำเร็จมาบางส่วน แต่งานก่อสร้างจะทำกันหน้างาน)

ไม่ได้แย้งคุณ Diselse แต่หมายเหตุไว้  เพราะเดี๋ยวนี้พวกเลวๆมีเยอะ ดีๆมีน้อย

เอาเป็นว่าในฐานะนักออกแบบ และเจ้าของบริษัท เวลาผมจะแนะนำลูกค้าในการชำระเงิน แบ่งออกเป็นดังนี้นะครับ

ก่อนจะทำการจ่ายเงินใดๆ ทั้งสิ้น ควรจะรู้ที่มาที่ไปของผู้รับจ้าง บริษัท ที่ตั้ง ผลงานที่เคยผ่านมือมา และคุณภาพของตัวผู้รับจ้าง

สัญญาควรจะระบุให้ละเอียดจริงๆ ว่า เนื้องานเป็นยังไง มีขั้นตอนอย่างไร ตั้งแต่ออกแบบ จนถึงทำแบบ และไปถึงก่อสร้าง

มีงานอะไรบ้าง ในราคาเท่าไหร่ แล้วแบ่งจ่ายให้ชัดเจน เป็นงวดๆ ตามมาตราฐานแล้ว ถ้าราคาประมาณ 5 แสนบาท จะแบ่งจ่ายดังนี้

หลังเซ็นสัญญา 10%
หลังทำแบบเสร็จ 30%
งานก่อสร้างเสร็จไปแล้ว 30% อีก 30%
งานก่อสร้างเสร็จไปแล้ว 70% อีก 20%
ส่งงานอีก 10%

ทุกวันนี้ลูกค้าจะจ่ายเงินก็ต้องพิจารณาดีสักหน่อย แต่ไม่ใช่จนระแวงเกินไป จนทำให้อึดอัดทั้งสองฝ่าย

ควรจะให้ผู้รับจ้าง บอกถึงวัสดุที่จะใช้ กับหน้างาน และดูว่ามาคุ้มกับเงินที่จ่ายไปไหมเบื้องต้น (แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่อง ก็อาจจะต้องถามปรึกษาจากผู้รับจ้าง และเอาไปตรวจสอบอีกที ว่าผู้รับจ้างบอกความจริงกี่เปอร์เซนต์

แต่สำหรับผม ผมบอกได้คร่าวๆ ครับ เพราะวัสดุปัจจุบันมีเป็นล้านๆ สิ่ง เลือกใช้ได้หลากหลาย ตั้งแต่มาตราฐาน จนถึงแพงหูดับ)

ราคาแต่ละที่ ตกแต่งถึงราคาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าครับ

แต่พิจารณาตามนี้เบื้องต้น ถ้าผู้รับจ้าง ชี้แจ้งได้ละเอียด ก็ไม่น่าห่วงมากครับ

ปล. อย่าระแวงมากจนเกินไป เพราะว่าจะลำบากใจทั้งสองฝ่าย ถ้าเขาอธิบายดีแล้ว น่าเชื่อถือแล้ว ก็ให้โอกาสเขาแต่อย่าปล่อยเลย ผู้ว่าจ้างที่ดี จะต้องพยายามอยู่ใกล้ๆ ได้เสมอ ติดต่อได้เสมอในเวลางานครับ

ส่วนของผม นโยบายคือ ลูกค้าคือเพื่อน ธุรกิจที่ไปได้ดี เพราะเราไม่ได้คิดว่าเราทำธุรกิจอยู่ แต่อยากทำให้ผลงานออกมาดีที่สุดครับ  

สุดท้าย มาจากห้องก้นครัวเน้อ

ขอบคุณที่แย้งครับ ผมขอแก้ไข ลงตัวเลขผิดครับ

ดูแปลกๆนะ เป็นผมไม่ทำ

สัญญาว่าจ้างออกแบบตกแต่ง
ที่ระบุรายละเอียดสโคปการทำงานก็ไม่มี
ไม่มีรายละเอียดแบ่งจ่ายเป็นงวดตามสเตปงานที่ทำให้อีกด้วย

ขอล่วงหน้าตั้งแสน

คุณพี่ลูกค้าใจดีครับ ถ้าคุณพี่จะกรุณา
เปลี่ยนมาจ้างผม ผมขอห้าหมื่นก็พอครับ

ขำ ขำนะครับ แต่เอาแบบไม่ขำ ก็หาใหม่เถอะครับ
ยังไม่ทันทำอะไรก็เริ่มส่อแววเอาเปรียบลูกค้าแล้วนะเนี่ย

ราคารวมทั้งหมดเท่าไร

งานทุกช้นควรระบุประเภท  สเปคด้วยนะครับ

เคยมี  เช่นตู้ไม้สัก    เจ้าของบ้านเข้าใจเนื้อไม้สักทุกชิ้น   ก็ราคาไม้สักนี่

แตที่นำมาติดตั้ง คือ ข้างในทุกชิ้นเป็นไม้อัด  ด้านหน้าที่มองเห็นแปะด้วยไม้อัดสัก   ควายจริงๆ

…

ตอนนี้สามแสนนั้น หักงานที่ทำไปแล้ว เหลือสองแสน แล้วเปลี่ยน ผรม. สองแสนที่ค้างอยู่ ต้องตามฟ้องเอาภายหลัง

สมัยนี้คนมันหน้าด้าน ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแล้ว ทำยังไงก็ได้ให้ได้เงิน โดยไม่ต้องมีคุณธรรม