By: LUCAS LEIVA
Since: 16 เม.ย. 55 13:34:52

By: nbazugar_maii
Since: 12 เม.ย. 55 21:53:12

By: แม่ถ้วยฟูฯ
Since: 12 เม.ย. 55 11:22:51

By: nbazugar_maii
Since: 12 เม.ย. 55 10:07:40

เครื่องที่เป็นทั้งซักทั้งอบในตัวราคาแพงกว่า 2 เครื่องรวมกัน และอย่างที่คุณแม่ถ้วยฟูบอกในความเห็นที่ 3 ว่าเวลาอบต้องเอาผ้าที่ซักออกมาครึ่งนึงจึงจะอบได้ ทำให้ยิ่งต้องเสียเวลาเพิ่มขึ้นไปอีกกว่าผ้าจะแห้งทั้งหมด
ตัวเครื่องระยะเวลารับประกันก็น้อยกว่าค่ะ พนักงานขายเองก็บอกว่าโอกาสเสียเร็วกว่า เพราะเครื่องต้องทำงานหนักกว่าในกรณีอบแห้งเสร็จแล้วจะซักต่อเลย เพราะเครื่องจะร้อนมากๆ (มือจับแทบไม่ได้นะคะ ลวกเอาได้เลย)

ส่วนตัวเราไม่ชอบตากผ้าค่ะ ไม่ชอบภาพบ้านสวยๆที่มีราวตากผ้าแขวนอยู่ ดูเป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้ และไม่ชอบให้เสื้อผ้าเราเจอฝุ่นละอองและควันจากภายนอก

เดี๋ยวย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านก็คิดว่าจะใช้เครื่องนี้ไปจนกว่าจะเสีย และจะซื้อตัวใหม่แยกเอา เพราะที่บ้านมีที่พอค่ะ ^^

By: baleine
Since: 11 เม.ย. 55 15:26:54

By: pinhead2000
Since: 11 เม.ย. 55 11:39:56

By: . (มะขามหมู)
Since: 11 เม.ย. 55 09:43:37

– ชอบซักตอนก่อนนอนแล้วทิ้งให้เครื่องทำงานไปเลยจนเสร็จ เช้าก็ค่อยมาเก็บผ้า อย่างนี้แบบซักและอบด้วยจะเหมาะสม แถมไม่ต้องคอยเอาผ้าย้ายจากเครื่องซักไปเข้าเครื่องอบ เพียงแต่ผ้าที่ใส่ในถังซักต้องให้พอดีกับปริมาณที่เครื่องจะอบได้ ซึ่งน้อยกว่าปริมาณผ้าที่จะซักได้ในเครื่องนั้น

– แต่ถ้าซักครั้งหนึ่งหลายๆถัง ก็ควรจะแยกเพราะพอซักถังนึงเสร็จก็เอาไปอบ ซักถังใหม่ได้อีก

ส่วนตัวเคยใช้ทั้งสองแบบ ตอนนี้ใช้แบบแยกอยู่ บางครั้งก็คิดถึงแบบซักอบในเครื่องเดียวกันเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาซักผ้าตอนกลางคืน เพราะอย่างน้อยต้องซักให้เสร็จก่อน ย้ายผ้าไปเครื่องอบแล้วจึงไปนอนได้ หรือจะซักผ้าแบบเอาใส่เครื่องไว้แล้วออกไปข้างนอกเลยก็ไม่ได้ค่ะ (มาเพิ่มเติมว่า ที่บ้านซักผ้าแล้วอบทุกครั้ง ไม่เคยเอาไปตากเพราะรู้สึกว่าสะอาดกว่า ไม่ต้องกลัวฝุ่น ขี้นก เกสรดอกไม้ ฯลฯ)

By: แม่ถ้วยฟูฯ
Since: 11 เม.ย. 55 09:38:32

By: ปุ๋ยพัทยา
Since: 11 เม.ย. 55 09:26:26

เมื่อยู่ด้วยกันเวลามีปัญหาเกิดขึ้น เท่ากับต้องงดใช้ทั้งหมดระหว่างรอซ่อมครับผม

By: ลุงทอม
Since: 11 เม.ย. 55 09:11:11